ข้ามไปยังเนื้อหา
ส่งฟรีเมื่อสั่งซื้อครบ 3,000 บาทขึ้นไป

ภาษา

เทคนิคชิมไวน์แบบมืออาชีพ เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง

A close-up of a woman smelling red wine from a glass, illustrating the “Smell” step in the wine tasting process as part of the “How to Taste Wine Like a Pro” technique.

เทคนิคชิมไวน์แบบมืออาชีพ เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง

ผมมั่นใจว่าผู้อ่านหลายๆ ท่านเคยได้ยินคำว่า ดู ดม ดื่ม หรือ ดู ดม อม กลืน กันมาบ้างแล้วนะครับ

วันนี้ผู้เขียนขอเล่าแบบสรุปเพื่อให้ทุกท่านนำไปใช้ในการดื่มไวน์ได้อย่างฟินๆ เลยครับ

ผมถนัดสาย 3 ดอ (เด็ก) มากกว่า ดังนั้นจะขอพูดถึงการ ดู ดม ดื่ม นะครับ

พร้อมแล้วก็ไปฟินกันเลยยยย

ดู

คือการใช้ประสาทสัมผัสทางสายตา เพื่อให้เห็นสี ความใส ความคลีน ความสะอาดของไวน์ ซึ่งขั้นตอนนี้จะพอเข้าใจถึงอายุไวน์ และลักษณะคาแรคเตอร์บางประการของไวน์ครับ

วิธีการคือ เอียงแก้วไวน์ให้ไวน์ไหลไปอยู่ที่ข้างแก้ว ถ้าจะให้ดีควรมีแบล็กกราวด์สีขาวสะอาด เช่น จาน ที่รองจาน ผ้าปูโต๊ะ กระดาษ หรือเซฟรูปสีขาวไว้ในมือถือแล้วมาใช้แทนแบล็กกราวด์ก็ได้ครับ ซึ่งผู้เขียนก็ใช้วิธีนี้บ่อยๆ

ดม

คือการใช้ประสาทสัมผัสทางจมูก เพื่อให้ได้รับกลิ่นอาโรม่าต่างๆ ที่มีอยู่ในไวน์ โดยอาโรม่าของไวน์จะแบ่งเป็นสามโทนกลิ่นดังนี้ครับ

  • Primary aroma จะเป็นกลิ่นแนวดอกไม้ ผลไม้ และสมุนไพร หากจำไม่ค่อยได้ให้ผู้อ่านนึกถึงสระไอไว้ครับ ซึ่งโทนกลิ่นนี้จะได้มาจากคาแรคเตอร์ขององุ่นครับ
  • Secondary aroma จะเป็นแนวกลิ่นของกิน เช่น ครีม นม เนย ชีส วนิลา ขนมปัง กลิ่นไม้โอ๊ค ซึ่งโทนกลิ่นนี้จะได้มาจากขั้นตอนการหมักและขั้นตอนต่างๆ ในการผลิตไวน์ เช่น Malolactic conversion หรือ Lees ageing ครับ
  • Tertiary aroma จะเป็นกลิ่นที่ค่อนข้างลึกและซับซ้อน ส่วนใหญ่จะมีเฉพาะในไวน์ที่คุณภาพสูงหรือราคาแพง บ่มมานาน หรือเป็นไวน์เก่าแล้ว จะเป็นแนวกลิ่น ดิน เนื้อสัตว์ หนังสัตว์ ใบยาสูบ ผลไม้แห้ง กลิ่นเห็ด กลิ่นถั่ว ขี้ผึ้ง และกลิ่นน้ำมัน

วิธีการคือ เอียงแก้วลักษณะเหมือนจะดื่ม แล้วก้มคอนิดนึง เอาจมูกเราเข้าไปในแก้วครับ โดยหายใจเข้าอย่างเดียว สั้นๆ กลางๆ ยาวๆ ก็ได้ แล้วแต่ถนัดเลย แต่ห้ามหายใจลงในแก้วนะครับ เพราะแก้วจะขึ้นเป็นไอน้ำเลยครับ ลองดมหลายๆ มุมครับ ด้านบน ด้านล่าง หรือกลางๆ แก้ว บางครั้งจะได้กลิ่นที่ต่างกัน

อยากแนะนำว่าลองใช้จมูกซ้ายและขวาดมพร้อมกัน หรือเน้นทีละข้างก็จะได้กลิ่นที่ต่างกันครับ เพราะจมูกซ้ายขวารับกลิ่นได้ไม่เท่ากันครับ

ดื่ม

คือการใช้ประสาทสัมผัสทางลิ้นเพื่อได้รสชาติของเครื่องดื่ม ซึ่งส่วนใหญ่ feeling ที่ได้จะคล้ายกับกลิ่นอาโรม่าที่ได้จากจมูกครับ แต่มีหลายครั้งที่ผู้เขียนเองไม่ได้กลิ่นแต่ได้รส หรือไม่ได้รสแต่ได้กลิ่นครับ

ในขั้นตอนนี้จะมีอยู่ห้าองค์ประกอบที่อยากแนะนำให้ผู้ดื่มควรค้นหาจากไวน์แก้วนั้นครับ คือ ระดับความหวาน ระดับของแอซิดิตี้ ความเข้มของแทนนิน ระดับแอลกอฮอล์ และบอดี้ครับ

วิธีการคือ ดื่มเข้าไปสักหนึ่งในสามของการดื่ม พาไวน์ให้เข้าไปทั่วปาก ละเมียดอยู่กับเค้าสักครู่นึงแล้วค่อยกลืน หายใจเข้าไปตาม ก็จะสามารถทำให้รู้ Finish ของไวน์ได้ว่าจะจบเร็ว จบกลาง หรือจบยาว

เทคนิค B L I C

พอทำครบทั้ง 3 ดอแล้ว ก็มาสรุปแบบเทคนิค B L I C กันครับ ว่าไวน์ที่เราดื่มไปคุณภาพแบบไหนครับ

  • B = Balance สมดุลของไวน์
  • L = Length เวลาในการจบของไวน์
  • I = Intensity ความเข้มข้น ทั้งกลิ่นและรส
  • C = Complexity ความซับซ้อนของไวน์ ว่ามีโทนกลิ่นอาโรมาและรสกี่โทน อะไรบ้างครับ

ถ้าดีทุกอย่างก็ Very good ได้เลยครับ

สรุป

แนะนำให้ผู้อ่าน ผู้ดื่ม ใช้เทคนิค 3 ดอ คือ ดู ดม ดื่ม และเสริมเพิ่มด้วย B L I C รับรองว่าการดื่มไวน์จะฟินแบบมืออาชีพแน่นอนครับ


เรียบเรียงโดย: Boy Smiling Wine


อยากชิมไวน์ให้เป็น? เริ่มที่ไวน์เหล่านี้เลย

ฝึกฝนเทคนิคดู ดม ดื่มให้ครบขั้นตอน ด้วยไวน์คุณภาพจากทั่วโลก ทั้งไวน์แดง ขาว โรเซ่ และสปาร์กลิง ให้คุณเริ่มต้นฝึกชิมได้ครบในที่เดียว

เลือกไวน์ทั้งหมด
กลับไปยังบล็อก

แสดงความคิดเห็น

คุณอาจจะชอบ